Bible-Server.org  
 
 
Praise the Lord, all ye nations      
Psalms 117:1       
 
enter keywords   match
 AND find keywords in

Home Page
Genesis
ปฐมกาล
Exodus
อพยพ
Leviticus
เลวีนิติ
Numbers
กันดารวิถี
Deuteronomy
พระราชบัญญัติ
Joshua
โยชูวา
Judges
ผู้วินิจฉัย
Ruth
นางรูธ
1 Samuel
1 ซามูเอล
2 Samuel
2 ซามูเอล
1 Kings
1 พงศ์กษัตริย์
2 Kings
2 พงศ์กษัตริย์
1 Chronicles
1 พงศาวดาร
2 Chronicles
2 พงศาวดาร
Ezra
เอสรา
Nehemiah
เนหะมีย์
Esther
เอสเธอร์
Job
โยบ
Psalms
เพลงสดุดี
Proverbs
สุภาษิต
Ecclesiastes
ปัญญาจารย์
Song of Solomon
เพลงซาโลมอน
Isaiah
อิสยาห์
Jeremiah
เยเรมีย์
Lamentations
เพลงคร่ำครวญ
Ezekiel
เอเสเคียล
Daniel
ดาเนียล
Hosea
โฮเชยา
Joel
โยเอล
Amos
อาโมส
Obadiah
โอบาดีย์
Jonah
โยนาห์
Micah
มีคาห์
Nahum
นาฮูม
Habakkuk
ฮาบากุก
Zephaniah
เศฟันยาห์
Haggai
ฮักกัย
Zechariah
เศคาริยาห์
Malachi
มาลาคี
Matthew
มัทธิว
Mark
มาระโก
Luke
ลูกา
John
ยอห์น
Acts
กิจการ
Romans
โรม
1 Corinthians
1 โครินธ์
2 Corinthians
2 โครินธ์
Galatians
กาลาเทีย
Ephesians
เอเฟซัส
Philippians
ฟีลิปปี
Colossians
โคโลสี
1 Thessalonians
1 เธสะโลนิกา
2 Thessalonians
2 เธสะโลนิกา
1 Timothy
1 ทิโมธี
2 Timothy
2 ทิโมธี
Titus
ทิตัส
Philemon
ฟีเลโมน
Hebrews
ฮีบรู
James
ยากอบ
1 Peter
1 เปโตร
2 Peter
2 เปโตร
1 John
1 ยอห์น
2 John
2 ยอห์น
3 John
3 ยอห์น
Jude
ยูดาส
Revelation
วิวรณ์
 
 

 
 
translate into
มัทธิว Chapter15
 
1 ครั้งนั้น พวกธรรมาจารย์และพวกฟาริสี ซึ่งมาจากกรุงเยรูซาเล็ม มาทูลถามพระเยซูว่า
 
2 "ทำไมพวกสาวกของท่านจึงละเมิดประเพณีสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ ด้วยว่าเขามิได้ล้างมือเมื่อเขารับประทานอาหาร"
 
3 แต่พระองค์จึงตรัสตอบเขาว่า "เหตุไฉนพวกท่านจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้าด้วยประเพณีของพวกท่านด้วยเล่า
 
4 เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงบัญญัติไว้ว่า `จงให้เกียรติแก่บิดามารดาของตน' และ `ผู้ใดด่าแช่งบิดามารดาของตน ผู้นั้นต้องถูกปรับโทษถึงตาย'
 
5 แต่พวกท่านกลับสอนว่า `ผู้ใดจะกล่าวแก่บิดามารดาว่า "สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์แก่ท่าน สิ่งนั้นเป็นของถวายแด่พระเจ้าแล้ว"
 
6 ผู้นั้นจึงไม่ต้องให้เกียรติบิดามารดาของตน' อย่างนั้นแหละท่านทั้งหลายทำให้พระบัญญัติของพระเจ้าเป็นหมันไปเพราะเห็นแก่ประเพณีของพวกท่าน
 
7 โอ คนหน้าซื่อใจคด อิสยาห์ได้พยากรณ์ถึงพวกท่านถูกแล้วว่า
 
8 `ประชาชนนี้เข้ามาใกล้เราด้วยปากของเขา และให้เกียรติเราด้วยริมฝีปากของเขา แต่ใจของเขาห่างไกลจากเรา
 
9 เขานมัสการเราโดยหาประโยชน์มิได้ ด้วยเอาบทบัญญัติของมนุษย์มาอวดอ้างว่า เป็นพระดำรัสสอน'"
 
10 แล้วพระองค์ทรงเรียกประชาชนและตรัสกับเขาว่า "จงฟังและเข้าใจเถิด
 
11 มิใช่สิ่งซึ่งเข้าไปในปากจะทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่สิ่งซึ่งออกมาจากปากนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน"
 
12 ขณะนั้นพวกสาวกมาทูลพระองค์ว่า "พระองค์ทรงทราบแล้วหรือว่า เมื่อพวกฟาริสีได้ยินคำตรัสนั้น เขาแค้นเคืองใจนัก"
 
13 พระองค์จึงตรัสตอบว่า "ต้นไม้ใดๆทุกต้นซึ่งพระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์มิได้ทรงปลูกไว้จะต้องถอนเสีย
 
14 ช่างเขาเถิด เขาเป็นผู้นำตาบอดนำทางคนตาบอด ถ้าคนตาบอดนำทางคนตาบอด ทั้งสองจะตกลงไปในบ่อ"
 
15 ฝ่ายเปโตรทูลพระองค์ว่า "ขอทรงโปรดอธิบายคำอุปมานั้นให้พวกข้าพระองค์ทราบ"
 
16 ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบว่า "ท่านทั้งหลายยังไม่เข้าใจด้วยหรือ
 
17 ท่านยังไม่เข้าใจหรือว่า สิ่งใดๆซึ่งเข้าไปในปากก็ลงไปในท้อง แล้วก็ถ่ายออกลงส้วมไป
 
18 แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
 
19 ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การผิดผัวผิดเมีย การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การพูดหมิ่นประมาท ก็ออกมาจากใจ
 
20 สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่ซึ่งจะรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน"
 
21 แล้วพระเยซูเสด็จไปจากที่นั่นเข้าไปในเขตแดนเมืองไทระและเมืองไซดอน
 
22 ดูเถิด มีหญิงชาวคานาอันคนหนึ่งมาจากเขตแดนนั้นร้องทูลพระองค์ว่า "โอ พระองค์ผู้ทรงเป็นบุตรดาวิดเจ้าข้า ขอทรงโปรดเมตตาข้าพระองค์เถิด ลูกสาวของข้าพระองค์มีผีสิงอยู่เป็นทุกข์ลำบากยิ่งนัก"
 
23 ฝ่ายพระองค์ไม่ทรงตอบเขาสักคำเดียว และพวกสาวกของพระองค์มาอ้อนวอนพระองค์ ทูลว่า "ไล่เธอไปเสียเถิด เพราะเธอร้องตามเรามา"
 
24 พระองค์ตรัสตอบว่า "เรามิได้รับใช้มาหาผู้ใด เว้นแต่แกะหลงของวงศ์วานอิสราเอล"
 
25 ฝ่ายหญิงนั้นก็มานมัสการพระองค์ทูลว่า "พระองค์เจ้าข้า ขอทรงโปรดช่วยข้าพระองค์เถิด"
 
26 พระองค์จึงตรัสตอบว่า "ซึ่งจะเอาอาหารของลูกโยนให้แก่สุนัขก็ไม่ควร"
 
27 ผู้หญิงนั้นทูลว่า "จริงพระองค์เจ้าข้า แต่สุนัขนั้นย่อมกินเดนที่ตกจากโต๊ะนายของมัน"
 
28 แล้วพระเยซูตรัสตอบเขาว่า "โอ หญิงเอ๋ย ความเชื่อของเจ้าก็มาก ให้เป็นไปตามความปรารถนาของเจ้าเถิด" และลูกสาวของเขาก็หายเป็นปกติตั้งแต่ขณะนั้น
 
29 พระเยซูจึงเสด็จจากที่นั่นมายังทะเลสาบกาลิลี แล้วเสด็จขึ้นไปบนภูเขาทรงประทับที่นั่น
 
30 และประชาชนเป็นอันมากมาเฝ้าพระองค์ พาคนง่อย คนตาบอด คนใบ้ คนพิการ และคนเจ็บอื่นๆหลายคนมาวางแทบพระบาทของพระเยซู แล้วพระองค์ทรงรักษาเขาให้หาย
 
31 คนเหล่านั้นจึงอัศจรรย์ใจนักเมื่อเห็นคนใบ้พูดได้ คนพิการหายเป็นปกติ คนง่อยเดินได้ คนตาบอดกลับเห็น แล้วเขาก็สรรเสริญพระเจ้าของชนชาติอิสราเอล
 
32 ฝ่ายพระเยซูทรงเรียกพวกสาวกของพระองค์มาตรัสว่า "เราสงสารคนเหล่านี้ เพราะเขาค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่อยากให้เขาไปเมื่อยังอดอาหารอยู่ กลัวว่าเขาจะหิวโหยสิ้นแรงลงตามทาง"
 
33 พวกสาวกทูลพระองค์ว่า "ในถิ่นทุรกันดารนี้เราจะหาอาหารที่ไหน พอเลี้ยงคนเป็นอันมากนี้ให้อิ่มได้"
 
34 พระเยซูจึงตรัสถามเขาว่า "ท่านมีขนมปังกี่ก้อน" เขาทูลว่า "มีเจ็ดก้อนกับปลาเล็กๆสองสามตัว"
 
35 พระองค์จึงสั่งประชาชนให้นั่งลงที่พื้นดิน
 
36 แล้วพระองค์ทรงรับขนมปังเจ็ดก้อนและปลาเหล่านั้นมาขอบพระคุณแล้ว จึงทรงหักส่งให้เหล่าสาวกของพระองค์ เหล่าสาวกก็แจกให้ประชาชน
 
37 และคนทั้งปวงได้รับประทานอิ่มทุกคน อาหารที่เหลือนั้น เขาเก็บได้เจ็ดกระบุงเต็ม
 
38 ผู้ที่ได้รับประทานอาหารนั้นมีผู้ชายสี่พันคน มิได้นับผู้หญิงและเด็ก
 
39 พระองค์ตรัสสั่งให้ประชาชนไปแล้ว ก็เสด็จลงเรือมาถึงเขตเมืองมักดาลา
 
 

  [ Prev ] 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | [ Next ]